
นักทำเว็บถูกทั้งหลายลองถามตัวเองง่าย ๆ เวลาไหนที่เราใช้ Google เรามักจะใช้ Google เพื่ออะไร? แน่นอนว่า เราใช้เวลาที่ต้องการค้นหาข้อมูล เพื่อหาคำตอบอะไรสักอย่าง หรือค้นหาสิ่งที่อยากรู้ หน้าที่ของ Google คือคอยคัดเลือกสิ่งที่ตรงกับข้อมูลที่ค้นหาขึ้นมาแสดงผล และข้อมูลในเว็บไซต์ที่ตรงที่สุดจะขึ้นมาลำดับแรก ๆ ดังนั้นเราจำเป็นต้องสร้างเว็บไซต์ให้มีเนื้อหา หรือทำ Content ที่ Google ชอบ โดยเนื้อหาหรือข้อมูลเหล่านั้นจะต้องมีประโยชน์ เข้าใจง่าย และไม่ซับซ้อนจนเกินไป นี่เป็น 1 ในเทคนิคง่าย ๆ ในการทำเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ
เรามีเว็บไซต์แล้ว ทำไมเราต้องทำ SEO อีก?
อย่าลืมว่าตอนนี้เรามีเพียงเว็บไซต์เท่านั้น แต่ไม่มีคนเห็น การทำ SEO คือการทำให้ผู้บริโภคค้นหาเราเจอในโลกออนไลน์ นำไปสู่การตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการในอนาคต ที่สำคัญการทำ SEO ได้รับความนิยมเพราะว่าสามารถสร้าง Traffic หรือเพิ่มจำนวนคนเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ และยิ่งหากใช้แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ ก็จะยิ่งเป็นเรื่องง่ายต่อการทำ SEO ยิ่งขึ้น เพราะระบบเว็บไซต์สำเร็จรูปนั้นถูกออกแบบมาให้สามารถรองรับในการทำ SEO ได้ง่าย ๆ โดยที่ไม่ต้องไปลง Plug-in ใด ๆ เพิ่มเติม
พฤติกรรมผู้บริโภคในโลกออนไลน์
ในปัจจุบันที่โลกออนไลน์เป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิต ผู้บริโภคส่วนใหญ่เล่น Social Media ค้นหาข้อมูลจาก Search Engine อย่าง Google อ่านรีวิวใน Pantip และเลือกซื้อของผ่านทาง Mobile App แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้บริโภคเกิดอยากได้สินค้าขึ้นมา ก็จะเริ่ม “ค้นหา” และเมื่อค้นหาจะ “ได้เห็น” ข้อมูลต่าง ๆ และ “เกิดการเปรียบเทียบ” เพื่อนำไปสู่สิ่งที่ชอบหรือสนใจ สุดท้ายก็ตัดสินใจซื้อ ดังนั้นการสร้างเว็บไซต์และทำให้ผู้บริโภค “ค้นเจอ” และ “ได้เห็น” จึงมีความสำคัญ และนั่นคือการทำ SEO นั่นเอง
เทคนิค ในการสร้างเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรก Google
- เตรียมเนื้อหาและวางแพลนในส่วนของข้อมูลให้พร้อม
ก่อนจะเริ่มลงมือสร้างเว็บไซต์ การมีข้อมูลและแพลนที่พร้อมอยู่แล้วนั้น นับเป็นข้อดีเสมอ เตรียมให้พร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นประวัติต่าง ๆ เกี่ยวกับธุรกิจ รายละเอียดของสินค้า ช่องทางการจัดจำหน่าย รวมถึงวางแผนเนื้อหาที่ต้องการเผยแพร่ออกไป เพื่อให้การทำเว็บไซต์ราบรื่น มีโครงสร้างที่ดี ส่งผลดีต่อคุณภาพเว็บไซต์ - การตั้งชื่อเว็บไซต์ จำง่าย พิมพ์ง่าย อ่านง่าย กะทัดรัด
เมื่อจะสร้างเว็บไซต์ ก็ต้องมีชื่อโดเมน (Domain name) หลักสำคัญในการตั้งชื่อคือ “จำง่าย พิมพ์ง่าย อ่านง่าย” เน้นชื่อที่กะทัดรัด อ่านแล้วเข้าใจได้ง่าย หากสามารถบอกทั้งชื่อธุรกิจและลักษณะของสินค้าหรือบริการจะยิ่งดีมาก เพราะจะทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ซ้ำใคร ยกตัวอย่างเช่น เรดดี้โฮมเมดคุกกี้ สำหรับการตั้งชื่อไม่ควรลอกเลียนแบบชื่อแบรนด์ดัง ๆ หากได้ชื่อที่ชอบแล้วอาจจะลองค้นหาดูก่อน ทั้งภาษาไทยและอังกฤษว่าถูกใช้ไปหรือยัง ป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคสับสน หรือจำแบรนด์ผิดได้อีกด้วย - หน้าเว็บใช้งานง่าย ตรงกลุ่มเป้าหมาย
มาพูดถึงเรื่องดีไซน์กันบ้าง สำหรับการทำเว็บไซต์ควรจะคำนึงถึงเรื่องความง่าย ไม่ซับซ้อน ส่วนลักษณะรูปแบบที่จะดีไซน์ สีสันต่าง ๆ นอกจากความชอบส่วนตัวแล้วให้คำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก ยกตัวอย่างเช่น ขายสินค้าสำหรับเด็กผู้หญิงหรือเด็กนักเรียน เว็บไซต์ก็สามารถใช้โทนสีพาสเทลสบายตา และฟอนต์ที่ไม่ดูทางการมาก แต่ก็ไม่ควรเป็นฟอนต์ลายมือที่อ่านยากจนเกินไป - ใส่คีย์เวิร์ดเกี่ยวกับสินค้าไว้ตามที่ต่าง ๆ ของเว็บไซต์
อยากให้ผู้บริโภคค้นหาใน Google และขึ้นชื่อเว็บไซต์หรือชื่อธุรกิจ ก่อนอื่นต้องรู้ว่าสินค้าหรือบริการมีคีย์เวิร์ดอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ยกตัวอย่าง
คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง เช่น ทำเว็บราคาถูก ทำเว็บถูก ทำเว็บไซต์ราคาถูก
จากนั้นใส่คำเหล่านี้ในที่ต่าง ๆ ของเว็บไซต์อย่างแนบเนียน ไม่ใส่มากจนเกินไป Google จะมองว่าเป็น Spam และอาจส่งผลต่อคุณภาพของเว็บไซต์ได้ ควรวางแผนการกระจายคีย์เวิร์ดควบคู่ไปกับการทำเว็บไซต์ จะทำให้ประสิทธิภาพของเว็บไซต์ดีขึ้น - เนื้อหามีคุณภาพ มีเอกลักษณ์น่าติดตาม ไม่คัดลอกที่อื่นมา
ตรงส่วนนี้ถือเป็นพื้นฐานสำคัญของการทำ SEO โดยหลัก ๆ คือไม่คัดลอกเนื้อหาของคนอื่นมา ควรมีสไตล์การเขียน การใช้คำ หรือมุมมองที่แตกต่างและน่าสนใจ อัปเดตเนื้อหาใหม่ ๆ เข้าไปอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งเรื่องรูปภาพหรือไฟล์ที่ใช้ประกอบเนื้อหาก็สำคัญ ขนาดไฟล์จะต้องไม่ใหญ่จนเกินไป เพื่อให้เวลาที่ใช้ในการเปิดดูหน้าเว็บลดลง ส่งผลดีต่ออันดับของเว็บไซต์ เมื่อสร้างเว็บไซต์แล้ว ก็ควรวางแผนการลงเนื้อหา หรือทำเป็นกำหนดการไว้เลย เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีเนื้อหาใหม่ ๆ บนเว็บไซต์อยู่เสมอ - กระจายช่องทางเข้าเว็บไซต์ที่ Social Media แพลตฟอร์มต่าง ๆ
หลังจากที่สร้างเว็บไซต์และเขียนสิ่งต่าง ๆ ลงเว็บไซต์ไปแล้ว ไม่ควรจบเพียงเท่านั้น เพราะการทำแค่นั้นไม่ทำให้มีคนเข้ามาอ่านเว็บไซต์ของเรา หรืออาจจะมีเข้ามาแต่ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ติดหน้าแรก ดังนั้นการกระจายหรือแชร์ลิงก์ URL บทความนั้น ๆ ไปยังหน้า Facebook Fanpage โพสต์ในกลุ่มขายของต่าง ๆ หรือเผยแพร่บน Facebook ส่วนตัว รวมถึงช่องทางการสื่อสารในออนไลน์ต่าง ๆ ก็จะทำให้การมองเห็นเว็บไซต์เพิ่มมากขึ้น เพิ่มโอกาสในดึงผู้บริโภคให้เข้ามาได้มากยิ่งขึ้น ยิ่งยอดคนเข้าชมเว็บมากเท่าไร การทำเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรก Google ก็จะยิ่งมีโอกาสสูงขึ้นเท่านั้น - รองรับระบบปฏิบัติการมือถือ (Mobile Friendly)
ทุกวันนี้คนเข้ามือถือเพื่อค้นหาข้อมูลและท่องโลกออนไลน์มากกว่าใช้เวลานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เสียอีก ดังนั้น Google จะเลือกดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ที่รองรับการดูผ่านมือถือมากกว่า หากทำเว็บไซต์ให้สามารถแสดงผลได้สวยงาม เนื้อหาเว็บไซต์พอดีหน้าจอ ทั้งคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และมือถือ หรือที่เรียกว่า Responsive Website ก็จะยิ่งดี ส่งผลให้สามารถติดอันดับค้นหาแรก ๆ บน Google ได้ - หมั่นตรวจสอบ อัปเดต และประเมินผลอยู่เสมอ
เทคนิคนี้เป็นสิ่งที่หลายธุรกิจมักจะละเลยเมื่อสร้างเว็บไซต์ เนื่องจากหากพบว่าธุรกิจติด SEO ใน Google แล้ว ก็คิดว่าเว็บไซต์จะติดอยู่อย่างนั้นตลอดไป ซึ่งในความเป็นจริงแล้วผิดมหันต์! เนื่องจากในทุก ๆ วันมีธุรกิจใหม่เกิดขึ้นอยู่ตลอด หากว่าธุรกิจเหล่านั้นมีกลยุทธ์ในการทำเว็บไซต์ดีกว่า นั่นหมายความว่า Google จะเลือกดึงข้อมูลจากธุรกิจใหม่แทน ดังนั้นการตรวจวัดผลควรทำอย่างน้อยทุก 3 เดือนหรือ 180 วัน เพื่อประเมิน พัฒนาและปรับปรุงให้เว็บไซต์ยังคงติดSEO หน้าแรกและลำดับต้น ๆ ของ Google อยู่เสมอ